ทุกวันนี้ทาสการตลาดอย่างพวกเรา นอกจากจะโดนโปร 9.9 / 10.10 / 11.11 ตัวเลขมหัศจรรย์ที่เหล่าร้านค้าออนไลน์ต่างหมุนเวียนมาจัดโปรโมชั่นลดราคาให้เราได้เสียเงินกันเป็นประจำแทบทุกเดือน อีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดที่ฮิตไม่แพ้กันอย่าง “กล่องสุ่ม” ก็ดึงดูดใจขาช้อปได้ไม่น้อย จนเกิดเป็นกระแสไวรัลเปิดกล่องสุ่มที่ได้รับความนิยมอยู่ในโลกออนไลน์ และด้วยกระแสความนิยมที่มาแรงขนาดนี้ เชื่อว่ามีหลายคนคงสงสัยว่าต้นกำเนิดของกล่องสุ่มนั้น เริ่มต้นมาจากไหน? ทำไมถึงฮอตฮิตในไทย? และควรซื้อกล่องสุ่มอย่างไรจึงจะคุ้มค่าที่สุด? เรามาหาคำตอบไปด้วยกันครับ
- “กล่องสุ่ม” มาจากไหน? ใครเป็นคนคิด?
“กล่องสุ่ม” กลายเป็นสินค้าที่คนไทยเริ่มรู้จักมากขึ้นในช่วงนี้ แต่รู้หรือไม่? ต้นกำเนิดกล่องสุ่มไม่ได้เพิ่งมามีเมื่อ 2-5 ปีนี้ แต่จริงๆ มีมานานตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก ซึ่งเทรนด์การตลาดชนิดนี้ ได้เกิดขึ้นมาครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น โดยที่มาของกล่องสุ่มนั้นใช้หลักการเดียวกันกับถุงโชคดี หรือ Lucky bag ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่า ฟุกุบุคุโระ นั่นก็คือ สินค้าที่วางขายโดยการคละสินค้าไว้ในถุง โดยผู้ซื้อก็ไม่รู้ว่าข้างในถุงนั้นมีอะไรบ้าง ถ้าหากใครที่เคยได้ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ ก็คงจะรู้ว่า สินค้าฟุกุบุคุโระ เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนติดท็อปลิสต์ของน่าซื้อสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว (อยู่ในหมวดเดียวกับการหยอดตู้กาชาปอง[1] ที่เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นคงต้องลองดูสักครั้ง) ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีประวัติที่ชัดเจน แต่เมื่อได้ลองทำการค้นคว้าหาข้อมูลในเบื้องต้น พบว่า มีเรื่องราวที่น่าจะเกี่ยวข้อง และเป็นไปได้ ดังนี้
- ยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603-1868) มีร้านกิโมโนได้คละสินค้าภายในร้าน โดยการใส่ถุงทึบวางขาย แล้วตั้งชื่อว่า ถุงเอบิสึ ซึ่งมาจากชื่อของเทพเจ้าการค้า และโชคลาภของคนญี่ปุ่น
- ยุคเมจิ (ค.ศ. 1868 – ค.ศ. 1912) ได้เปลี่ยนคำว่า ถุงเอบิสึ เป็นคำว่า ฟุกุบุคุโระ ที่แปลว่าโชคดี โดยเริ่มวางขายในช่วงเทศกาลปีใหม่ และขยายไปทั่วประเทศญี่ปุ่นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
- วัฒนธรรมฟุกุบุคุโระ
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกๆ ปี เริ่มต้นตั้งแต่ 1 ม.ค. จะมีช่วงวันฟุกุบุคุโระ ซึ่งก็คือวันที่ร้านค้า และแบรนด์ต่างๆ เปิดขายฟุกุบุคุโระกันเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้คนที่สนใจต่อแถวรอซื้อกันตั้งแต่ร้านค้ายังไม่เปิด แถมคิวยังยาวเป็นกิโลๆ ซึ่งร้านค้าจะมีการให้รายละเอียดของถุงสินค้าไว้อย่างคร่าวๆ และเครมว่าสินค้าที่ได้ซื้อไปนั้น คุ้มค่ากว่าราคาที่จ่ายไปอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าหากเราจะพูดถึงหลักการตลาดของฟุกุบุคุโระ หรือถุงโชคดี มันก็คือ การระบายสินค้าที่ค้างสต็อคของปีนั้นนั่นเอง
- กระแสความฮอตฮิตในไทย
สำหรับประเทศไทย เทรนด์กล่องสุ่มได้เริ่มเข้ามาเมื่อประมาณปี 2562 จากกลุ่มยูทูบเบอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ ที่ทำคอนเทนต์ด้วยการรีวิวเปิดกล่องสุ่มสินค้าจากต่างประเทศ จนกระทั่งตอนนี้ กระแสกล่องสุ่มก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ แถมมีสินค้ามากมายหลายชนิดที่หันมาใช้กลยุทธ์การตลาดชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ เมคอัพ น้ำหอม ต้นไม้ อาหารทะเล เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยวต่างๆ รวมไปจนถึงเซ็ตอาหารปิ้งย่างอย่างหมูกระทะ ฯลฯ
- ความท้าทายของขาช้อปที่ยิ่งไม่เห็น..ยิ่งอยากได้!!!
นอกจากความคุ้มค่าของสินค้าที่อยู่ภายในถุงโชคดี หรือกล่องสุ่มแล้ว เราคงต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งที่ผู้คนชื่นชอบสินค้าประเภทนี้ นั่นก็คือ การได้รับความท้าทาย ความตื่นเต้น และความคาดหวัง..ที่คาดไม่ถึงของผู้ซื้อ โดยพฤติกรรมเหล่านี้ได้ถูกศึกษา และเผยแพร่ผ่าน Harvard Business Review พบว่า ความน่าตื่นตาตื่นใจ หรือความเซอร์ไพรส์ คือ เครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลัง ดังนั้น “ความไม่รู้ และความอยากรู้” คือ แรงกระตุ้นอย่างร้ายกาจที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ นี่จึงไม่แปลกว่าทำไมคนเราจึงชอบหมุนกาชาปอง เซอไพรส์วันเกิด หรือซื้อกล่องสุ่มโดยที่ไม่รู้ว่า..สิ่งของข้างในกล่องคืออะไร???
- ซื้อกล่องสุ่มอย่างไรจึงจะคุ้มค่า?
การเปิดกล่องสุ่มจึงเป็นกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และสนุกสนาน แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงนั่นก็คือ กล่องสุ่มบางประเภทมีราคาสูง ซึ่งเราเองอาจจะต้องตัดสินใจเลือกซื้อ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุดกับเงินที่ต้องเสียไป โดยพิจารณาจากประเภทของสินค้าว่าสมเหตุสมผลกับราคาหรือไม่ อย่าให้ตัวเองต้องขาดทุนจากการได้รับสินค้าที่มีราคาต่ำกว่าเงินที่จ่าย หรือในกรณีที่เปิดกล่องสุ่มมาแล้วได้รับสินค้าที่ไม่ชอบ สวมใส่ไม่ได้ เนื่องจากขนาดไม่พอดี เราจะจัดการกับสินค้าเหล่านี้ได้อย่างไร เพราะไม่อย่างนั้นแล้วก็เท่ากับว่าเราซื้อของมากองไว้ให้รกบ้าน ไร้ค่าไร้ประโยชน์..เสียเงินไปเปล่าๆ
ข้อมูลอ้างอิง
- บทความเรื่อง “รู้จักเทรนด์ “กล่องสุ่ม” ไม่รู้ว่าของข้างในคืออะไร แต่อยากได้ซะเหลือเกิน”
บทความเรื่อง “เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกาชาปอง” https://allabout-japan.com/th/article/2169/
[1] กาชาปอง คือ ตู้ขายของเล่นอัตโนมัติ โดยการหยอดเหรียญลงไปแล้วบิด แคปซูลที่บรรจุของเล่นก็จะหล่นลงมาให้เราแบบสุ่ม ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะได้ของเล่นอะไรจนกระทั่งเปิดแคปซูลออก และนั่นก็เป็นความสนุกสนานอีกอย่างหนึ่งของการหยอดตู้กาชาปอง