คุณเคยเจอเหล่าแอพที่ชอบโฆษณาเกินจริง ทำโน่นได้ ทำนี่ได้ ทำได้สารพัด แต่พอโหลดมาใช้จริง ดันทำไม่ได้อย่างที่โม้ไว้ซะอย่างนั้น วันนี้ผมจะมาพูดถึง 5 ประเภทแอพที่คุณไม่ควรมีติดสมาร์ตโฟน..ส่วนจะมีอะไรบ้างไปดูกันครับ
แอพพลิเคชันประเภทแรก คือ แอพจัดการแรม ซึ่งแอพพวกนี้จะโฆษณาว่าสามารถช่วยเคลียร์แรมหรือเคลียร์พื้นที่ให้ เพื่อจะได้ใช้งานแอพพลิเคชันได้ เร็วขึ้น ลื่นขึ้น แล้วก็แรงขึ้น โดยทั่วไปแอพพลิเคชันทุกแอพพลิเคชันจะมีการใช้งานพื้นที่แรมอยู่แล้ว รวมถึงแอพจัดการแรมนี้ก็จะใช้แรมด้วยเหมือนกัน การทำงานของแอพพลิเคชันนี้ก็คือ มันจะทำการปิดแอพพลิเคชันที่เปิดอยู่ทุกแอพออกไป พอเปิดขึ้นมาใหม่มันใช้พลังงานเยอะกว่าการที่เปิดแอพค้างไว้นั่นเอง ซึ่งผมก็มองว่ามันไม่จำเป็น เพราะโดยทั่วไประบบปฎิบัติการก็จะมีระบบจัดการแรมทำงานอยู่เบื้องหลังอยู่แล้ว ว่าแอพไหนควรเปิดแอพไหนควรปิด
แอพพลิเคชันประเภทที่ 2 คือ แอพจำพวก Clean Master แอพพวกนี้จะมีการโฆษณาว่าสามารถเคลียร์ Memory และดึงพื้นที่กลับมาได้อย่างง่ายดาย จะเป็นแอพที่คล้ายๆ แอพจัดการแรม แต่ว่าจะเป็นการจัดการพวกไฟล์ต่างๆ เช่น พวกแคช พวกไฟล์ขยะ ซึ่งพอทำการล้างก็จะได้พื้นที่กลับมาพอสมควร แต่ว่าการที่ล้างแคชหรือล้างไฟล์ขยะจะเป็นการกินพลังงานแบตเตอรี่ ทั้งที่จริงๆ แล้วสมาร์ทโฟนยุคนี้ ระบบปฏิบัติการทุกอันจะ Built-in ระบบจัดการแคชไฟล์มาให้อยู่แล้ว
แอพพลิเคชันประเภทที่ 3 คือ แอพ Antivirus ซึ่งถือว่าเป็นดาบสองคม ก็คือ ถ้าเกิดใครที่ชอบใช้แอพต่างๆ ที่ไม่ได้โหลดจาก Official Store หรือว่ามีการเข้าเว็บไซต์ที่สุ่มเสี่ยง ก็อาจจะต้องมี Antivirus ติดเครื่องไว้เพื่อความปลอดภัยในการโดนล้วงข้อมูล โดนแฮ็กข้อมูลต่างๆ แต่ถ้าคุณไม่ได้มีการใช้งานที่สุ่มเสี่ยง ไม่ได้มีการเข้าเว็บไซต์แปลกๆ หรือว่าทุกแอพที่โหลดนั้นมาจาก Official Store อยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีแอพ Antivirus ให้หนักเครื่อง เพราะว่าข้อเสียของมันก็มี คือ กินแบตค่อนข้างมาก โดยหลักการทำงานของแอพ Antivirus พวกนี้ จะทำการสแกนข้อมูลทั้งเครื่องเลยว่ามีอะไรแปลกปลอมเข้ามาหรือไม่ พอมันสแกนเสร็จก็จะมีการทำงานเป็นพื้นหลังตลอด ซึ่งพอเข้าเว็บไซต์อะไรไปก็จะมีการสแกนเว็บไซต์ไปว่าเว็บไซต์นั้นปลอดภัยหรือไม่ ดังนั้น การทำงานของแอพนี้มันจะหนักเครื่อง กินแรม กินแบต
แอพพริเคชันประเภทที่ 4 คือ แอพจัดการแบตเตอรี่ แอพพวกนี้ก็จะมีการโฆษณาว่าจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น ทำให้เครื่องใช้งานได้นานขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วก็จะเป็นการรวมฟีเจอร์จัดการแรม เคลียร์แคช มาไว้ในแอพพลิเคชันเดียวกัน ซึ่งถ้าเกิดตัด 2 ฟีเจอร์นี้ออกไป มันก็เป็นเพียงแอพมอนิเตอร์แบตเตอรี่ดีๆ นี่เอง สมาร์ทโฟนยุคนี้ แบตเตอรี่ก็อึด ชาร์จไฟก็เร็ว Power Bank ก็มีราคาถูกมากๆ แล้วระบบการปฏิบัติการพื้นฐานเองก็ให้ฟีเจอร์สำหรับมอนิเตอร์แบตมาเพียงพออยู่แล้ว
แอพพลิเคชันประเภทสุดท้ายก็คือ แอพที่แถมติดมากับเครื่อง ผมเชื่อว่าแอพพวกนี้บางคนอาจยังไม่เคยใช้ จริงอยู่ที่แอพมันมีประโยชน์ แต่ถ้ามีแล้วไม่ได้นำมาใช้ มันก็กินพื้นที่ไปซะเปล่าๆ ซึ่งในฝั่ง Android ส่วนใหญ่เท่าที่ผมทราบมาคือ ไม่สามารถ Uninstall ออกไปจากเครื่องได้ แต่ถ้าเป็นฝั่ง iOS แอพทุกแอพที่ติดมากับเครื่องสามารถลบได้ อย่างผมเองก็จะลบแอพ iMovie ออกไป เพราะผมไม่ได้ใช้มันในการตัดต่อคลิปวีดีโอ จึงทำให้ iPhone ของผมมีพื้นที่เหลือสำหรับการใช้งานประเภทอื่น
และนี่คือแอพพลิเคชันทั้ง 5 ประเภท ที่ผมคิดว่าไม่ควรมีติดอยู่ในเครื่อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้ผู้ใช้งานถอนการติดตั้งแอพพลิเคชันเหล่านั้นออกไปทั้งหมด ทั้งนี้ควรจะเลือกดาวน์โหลดและเลือกใช้ให้เหมาะกับพฤติกรรมการใช้งานของตนเองจะดีกว่าครับ